วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประวัติศาสตร์ไม่ได้มีฉบับเดียว เกี่ยวกับ "พระบรมรูปทรงม้า" ร.5


เปิดใจให้กว้าง ประวัติศาสตร์ไม่ได้มีฉบับเดียว เกี่ยวกับ "พระบรมรูปทรงม้า" ร.5


คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม

โดย ไกรฤกษ์ นานา


ที่มาของพระบรมรูปทรงม้าก็ยังเป็นข้อถกเถียงอยู่เสมอๆ ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าประวัติศาสตร์ไทย "ฉบับเก่า" ยังยึดติดอยู่กับคำบอกเล่าของคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง ที่โยง "การเสด็จประพาสยุโรป พ.ศ.2450" กับ "พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก พ.ศ.2451" เข้าไว้ด้วยกันโดยบังเอิญ ทั้งๆ ที่พระบรมรูป "มิใช่" เหตุบังเอิญที่ถูกสร้างขึ้น นี่เป็นประเด็นแรกที่สร้างความสับสนเรื่อยมา

ส่วนประเด็นที่ 2 คือ การที่พระบรมรูปองค์นี้ "มิใช่" ราชานุสาวรีย์องค์แรกประจำรัชกาลนี้ โดยมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือดังต่อไปนี้

ประเด็นแรก : เรื่องแรงบันดาลใจในการสร้าง

การที่นักประวัติศาสตร์บางส่วนหลับหูหลับตาเขียนว่า แรงดลใจในการสร้าง เกิดจากการที่รัชกาลที่ 5 เสด็จไปทอดพระเนตรอนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงม้า ตั้งอยู่หน้าพระราชวังแวย์ซายส์ในประเทศฝรั่งเศสนั้นเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นและไม่มีหลักฐานยืนยัน ข้อมูลล่าสุดที่สามารถเปิดเผยความลับทั้งหมด บัดนี้พบแล้วว่ามีจริงๆ มันเป็นคำอธิบายที่ซ่อนอยู่ในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีถึงเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) บนเรือซักซัน ในขณะที่เสด็จราชดำเนินไปยุโรป ระบุถึงความคิดเรื่องพระบรมรูปทรงม้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 เมษายน ร.ศ.126 (พ.ศ.2450)


ถึง พระยาสุขุม

"...หนังสือฉบับนี้มีความมุ่งหมายที่จะอธิบายโทรเลขนั้นให้แจ่มแจ้ง คือ พระยาสุขุมจะนึกได้ว่ามีความคิดอย่างหนึ่ง ซึ่งค้างอยู่ช้านานว่าจะเอาเงินที่ข้าราชการเรี่ยรายในการทำบุญแซยิดอายุครบ 50 อันมีเหลืออยู่นั้น ก่อสร้างซุ้มประตูที่ถนนเบญมาศอันต่อกันกับถนนดวงตะวัน และถนนราชดำเนินนอก เพื่อจะให้เป็นซุ้มประตูสำหรับวังสวนดุสิต ความคิดอันนี้ได้คิดเมื่อครั้งพระยาสุริยาเป็นเสนาบดี มีหน้าที่สามคนร่วมกันคือพระยาสุริยานุวัตร กรมหลวงนริศร กรมดำรงถึงได้วาดอย่างขึ้นดูบ้างแล้ว แต่ก็เลยติดค้างอยู่ตามเคย มาภายหลังพระยาสุริยาคิดเห็นว่าน่าจะหล่อ "พระบรมรูปขี่ม้า" ตั้งบนหลังซุ้มนั้น แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำรูป ก็ระงับมาอีก..."

สยามินทร์(1)

ข้อมูลใหม่ที่พบนี้ลบล้างความสงสัยที่ค้างคาใจผู้คนมานาน ความจริงที่เก็บงำไว้ถูกเปิดเผยขึ้นในที่สุด เมื่อรัชกาลที่ 5 มีพระราชดำรัสถึงเจ้าพระยายมราชอย่างเงียบๆ ตรัสสั่งงานเกี่ยวกับโครงการใหญ่ส่วนพระองค์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ แต่ดำเนินมานานกว่า 3 ปีแล้ว ในอันที่จะปั้นพระบรมรูปในลักษณะที่ "กำลังทรงม้า" เพื่อทำเป็นซุ้มประตูทางเข้าพระราชวังดุสิตที่สร้างขึ้นใหม่

อันพระบรมราชวินิจฉัยเดิมมีอยู่ว่า จะทรงใช้เงินบริจาคที่เหลือจากงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษา ที่รวบรวมได้ 5 ปีก่อนหน้านั้น (พ.ศ.2446) และมิได้เกี่ยวกับงานรัชมังคลาภิเษกที่เตรียมกันนั้นเลย (พ.ศ.2451) จึงเป็นคนละเรื่องกันตั้งแต่ต้น และรู้เฉพาะบุคคลใกล้ชิดที่อยู่ในวงในเพียง 2-3 คนเท่านั้น



พระบรมรูปขี่ม้าบนหลังซุ้มประตู ที่ลานพระราชวังดุสิตจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ไขปริศนามูลเหตุการสร้างที่หักล้างทฤษฎีแห่งความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานรองรับออกไปจนหมด

ประเด็นที่สอง : เรื่องการพิสูจน์เอกลักษณ์

เท่าที่ผ่านมารายละเอียดจากหนังสือประวัติศาสตร์เล่มเดิมๆ ที่พบในประเทศไทย ให้ข้อมูลที่ชี้นำไปในทางทิศเดียวกันว่า พระบรมรูปทรงม้า ร.5 ณ ลานพระราชวังดุสิต เป็นองค์แรก และองค์เดียวของรัชกาลที่ 5 ที่เคยถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2451 (ค.ศ.1908) ฐานข้อมูลนี้ไม่เคยได้รับการตรวจสอบ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วมานี้

นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนตุลาคม 2550 รายงานการค้นพบข้อมูลใหม่จาก น.ส.พ.อังกฤษฉบับหนึ่งสมัย พ.ศ.2417 (ค.ศ.1874) เขียนว่ารัชกาลที่ 5 (KING OF SIAM) ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ห้างฮันต์ แอนด์โรสเกล (MESSRS. HUNT AND ROSKELL) ณ กรุงลอนดอน หล่อพระบรมรูปทรงม้าของพระองค์ขึ้นด้วยวัสดุเงิน (SILVER) ภายหลังการเสด็จฯประพาสเมืองปัตตาเวียและสิงคโปร์ ใน ค.ศ.1871 การเสด็จไปเยือนอาณานิคมของยุโรปเมื่อต้นรัชกาล สร้างแรงบันดาลใจให้กษัตริย์หนุ่มชนมายุเพียง 17 พรรษา เกิดแนวคิดที่จะเลียนแบบการสร้างเมือง และการวางผังเมืองตามวิธีคิดของชาวยุโรป สิ่งแรกๆ ที่ทรงกระทำคือ การตัดถนนและสร้างจัตุรัสกลางเมืองแบบในยุโรป รูปปั้นพระบรมรูปทรงม้า จาก ค.ศ.1874 เป็นขนาดย่อส่วน เพื่อนำเข้าตกแต่งในพระบรมมหาราชวังเป็นตัวอย่าง (2)

และจากภาพถ่ายเก่าภาพหนึ่ง ถ่ายในสมัยรัชกาลที่ 5 (ดูภาพประกอบ) ยืนยันว่าพระบรมรูปทรงม้าขนาดย่อส่วน ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่ น.ส.พ.อังกฤษโฆษณาไว้ ถูกสร้างขึ้นและนำเข้ามาประดิษฐานอยู่ภายในมุขกระสันด้านตะวันออก ชั้นกลางของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทจริง หมายความว่าพระบรมรูปทรงม้า ร.5 มีอยู่ในประเทศไทยมากกว่าหนึ่งองค์แล้วตั้งแต่ยังไม่สิ้นรัชกาลที่ 5 ข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้ช่วยทำให้ประวัติศาสตร์ดูเข้มข้นและน่าเชื่อถือมากขึ้น ที่สำคัญ เราต้องเปิดใจรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ บ้าง

บรรณานุกรม

(1) สำเนาพระราชหัตถเลขาส่วนพระองค์ ร.5 ถึงเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยายมราช 10 เมษายน พ.ศ.2482

(2) น.ส.พ. THE ILLUSTRATED LONDON NEWS ฉบับวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1874

ที่มา  :  มติชนรายวัน,วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551,หน้า 20


ไม่มีความคิดเห็น: