วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การเมืองภาคประชาชน ตัวอย่างจากประเทศสหรัฐอเมริกา



การเมืองภาคประชาชน ดูตัวอย่างจากสหรัฐฯ

 

โดย  ไทยรัฐออนไลน์,22 ต.ค. 51

 

เมื่อวานนี้ นสพ.เดอะ วอลสตรีท เจอร์นัล สหรัฐฯ รายงานยอดเงินบริจาคเพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงของ นายบารัก โอบามา ผู้สมัครประธานาธิบดี พรรคเดโมแครต ประจำเดือนกันยายน มียอดเงินบริจาคสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 5,175 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่า นายจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ถึงสองเท่า

ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม บารัก โอบามา ก็ได้รับเงินบริจาคสูงถึง 66 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 2,277 ล้านบาท มาแล้ว

นับตั้งแต่ บารัก โอบามา เปิดแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2007 เป็นต้นมา จนถึงสิ้นเดือนกันยายน เขาได้รับเงินบริจาคเพื่อช่วยการรณรงค์หาเสียงเป็นเงินทั้งสิ้นถึง 605 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 20,800 กว่าล้านบาท และยังมีเวลาให้บริจาคอีกหลายวันกว่าจะถึงวันเลือกตั้งวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน

เงินก้อนใหญ่นี้มาจากการบริจาคของ ชาวอเมริกันที่สนับสนุนเขากว่า 3.1 ล้านคน เดือนกันยายนเดือนเดียว มีผู้บริจาคเงินใหม่เพิ่มขึ้นถึง 632,000 คน

เฉลี่ยแล้ว บารัก โอบามา ได้รับเงินบริจาคจากผู้ที่สนับสนุนเขาคนละ 195.16 ดอลลาร์ ประมาณ 6,733 บาทเท่านั้นเอง

4 ปีที่แล้ว ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบัน ก็ทำสถิติมาแล้วด้วยยอดเงินบริจาคสูงสุด 375 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 12,900 กว่าล้านบาท แต่ครั้งนี้ บารัก โอบามา สามารถทำได้เกือบสองเท่าเลยทีเดียว

เงินบริจาคก้อนใหญ่นี้แสดงให้เห็นถึง เสียงสนับสนุนอันหนักแน่น ที่คนอเมริกันมอบให้กับ บารัก โอบามา แม้วันนี้จะเหลือเวลาอีก 13 วันกว่าจะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ผมขอฟันธงล่วงไว้ตั้งแต่ วันนี้เลยว่า ผู้นำสหรัฐฯคนต่อไป ต้องเป็น นายบารัก โอบามา แน่นอน

ยิ่งดูการใช้เงินหาเสียงแล้ว โอบามาก็เหนือกว่าแมคเคนคู่แข่ง สัปดาห์ที่แล้ว โอบามา ใช้เงินโฆษณาหาเสียงในโทรทัศน์สูงถึง 39 ล้านดอลลาร์ ราว 1,345 ล้านบาท ในขณะที่ จอห์น แมคเคน ใช้แค่ 11.9 ล้านดอลลาร์เท่านั้น มากกว่ากันถึงสามเท่า

ที่ผมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง ก็เพื่อให้คนไทยได้เห็นว่า การเมืองของอเมริกา เป็น การเมืองภาคประชาชนจริงๆ ไม่ใช่ การเมืองของนายทุนพรรค หรือ การเมืองของนายทุนมุ้ง อย่างที่เป็นอยู่ในการเมืองไทย

ระบอบประชาธิปไตยที่ใช้กันอยู่ในเมืองไทยเวลานี้ เป็นเพียง ประชาธิปไตยของนายทุนพรรค ไม่ใช่ ประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ที่แท้จริง เหมือนการเมืองในสหรัฐอเมริกา

เงินหาเสียงของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทุกบาททุกสตางค์ มาจากนํ้าพักนํ้าแรงของผู้สมัคร ด้วยการทุ่มกำลังสมองและกำลังกายในการหาเสียง เพื่อหาเสียงสนับสนุนและหาเงินสนับสนุนมาใช้ในการหาเสียง ไม่ใช่เงินบริจาคจาก นายทุนธุรกิจ หรือ นายทุนพรรคการเมือง แล้ว ก็มาช่วยกันถอนทุนทีหลัง

การบริจาคเงินสนับสนุนนักการเมืองในสหรัฐฯ เขาไม่ให้บริจาคกันคนละมากๆ จะบริจาคคนเดียว 50 ล้าน 100 ล้าน อย่างเมืองไทย ไม่ได้ ถ้าผมจำไม่ผิด เขาให้บริจาคสูงสุดแค่คนละ 4,000 เหรียญ เท่านั้น ประมาณ 138,000 บาท (ถ้าผิดท่านผู้รู้ช่วยบอกผมทีก็แล้วกัน) ไม่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน ก็บริจาคได้สูงสุดแค่นี้ แม้แต่ วอร์เรน บัฟ-เฟทท์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ก็บริจาคได้แค่นี้

การเมืองแบบนี้จึงยุติธรรม ประชาธิปไตยแบบนี้ จึงเป็นประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ที่แท้จริง

ผู้ชนะจะต้องได้รับเงินและเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่มีเงินทุ่มซื้อเสียงจากประชาชนได้มากที่สุด อย่างที่เป็นอยู่ในเมืองไทย ระบอบประชาธิปไตยของเรากับของเขา กลับกันแบบหน้ามือกับหลังเท้าเลยทีเดียว.

ลม เปลี่ยนทิศ

 

(www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=108471)   

 

                                          ---------------------------------  


บรรณารักษ์ฯ  ชวนคุย  :  สำหรับประเทศไทยคงต้องเรียนรู้ต่อไป  ต้องพัฒนาทั้งวัฒนธรรมทางการเมืองของนักการเมืองและประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย  

ไม่มีความคิดเห็น: