Life Style : จุดประกายสารคดี
24 ตุลาคม พ.ศ. 2551 01:00:00
เซ็กซ์ ส้นสูงและอำนาจ
แม้จะมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า สาวๆ หลายคนไปหาหมอ พร้อมกับบอกว่า มีอาการเจ็บปวดข้อเท้าอย่างไม่รู้สาเหตุ
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : แม้จะมีข่าวว่าสาวๆ บางคน เกิดอาการ "ตกส้นสูง" จนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นไปทำงานไม่ได้ และแม้อีกว่า หมอทุกคนจะบอกว่าสาเหตุหลายครั้งมาจากการพยายามจะสวมใส่ส้นสูงอย่างเกินเหตุ และอย่างไม่เหมาะสมก็ตามนั้น
แต่อาการเจ็บปวดทรมานเหล่านี้ ไม่ได้เป็นประเด็นหนักหนาอะไรให้สาวๆ ยอมถอดใจเลิกใส่ “ส้นสูง” บางคนถึงกับประกาศว่า ยอมทรมานเพราะเจ็บเท้า ดีกว่าถูกมองว่าไม่สูง หรือมีหุ่นไม่สมสัดส่วน (อะไรทำนองนี้)
เรื่องสาวๆ กับ “ส้นสูง” นั้น อาจจะเป็นเรื่องเกินอธิบายแล้ว (แต่ต้องเข้าใจ) ทว่า เรื่องหนึ่งที่อาจจะซุกซ่อนอยู่ในส้นสูงที่สาวๆ มองไม่เห็นก็คือ นัยหรือความรู้สึกบางอย่างที่แฝงอยู่จากการใส่ส้นสูงนั่นเอง
มีการวิเคราะห์ออกมาจากจิตแพทย์ของตะวันตกว่า รูปทรงส้นสูงของสาวๆ นั้น สามารถอธิบายและบอกได้หลายนัย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ดูปราดเปรียว เซ็กซี่ และที่หลายคนไม่ได้นึกถึงก็คือ การแสดงอำนาจ (power) ผ่านรูปทรงและความสูงของมัน
นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมนิตยสารแฟชั่นพวก street magazine ถึงพยายามจะดันให้ส้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเข้าใจว่าอีกหน่อยอาจจะสูงกับตึกใบหยก
มองในมุมของ pop culture “ส้นสูง” จึงทำหน้าที่เชิงจิตวิทยาด้วย ที่ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่เพียง function ในการเป็นที่รองรับเท้า
และอาจเป็นเพราะนัยซ่อนเร้นเหล่านี้ ที่แฝงมากับตัว “ส้นสูง” เหล่านักเขียนละครชุด หนังชุด ซีรีส์และนักเขียนยุคใหม่ที่คลอดไหลหนังสือแนว chic flict จึงมักจะต้องมี “ส้นสูง” เป็นวิชาบังคับออกมา
หนังอะไรก็ตามที่อยู่ในกลุ่ม chic flict แทบไม่เคยขาดส้นสูง แถมยังดันออกมาให้เห็นถึงความชัดเจนของมัน ตัวละครที่มักมี รีส วิทเธอร์สพูน ไปแสดงนั้น เธอแทบจะไม่เคยขาดมัน เท่าๆ กับที่มือจะต้องจูง “น้องหมา”
…………………….
มันจึงไม่แปลกที่ สาวๆ ยุคใหม่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง
ยิ่งตอนนี้ “เทรนด์” ที่แฝงความเข้าใจว่า “ยิ่งสูงยิ่งสวยสง่า” ถูกโฆษณาไปทั่ว ทำให้สาวๆ อาจจะไม่ได้นึกถึงผลบางอย่างของมัน
แต่คุณทราบไหมว่าภายใต้ “ทุกท่วงท่า” ที่ “ก้าวเดิน” เป็นที่มาของปัญหาสุขภาพและสารพัดโรคภัยที่คาดไม่ถึงที่ตามมาไม่รู้จบ
Belinda Luscombe คอลัมนิสต์สาวจากนิตยสาร TIME ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "พิษร้ายรองเท้าส้นสูง" หลังจากได้เข้าร่วมเวิร์คช็อปที่ชื่อว่า High Heel Fitness Class & High Heel Walking Workshop ที่สอนท่วงท่าการเดินแบบ “อกผาย” ด้วย “อาวุธสูงหกนิ้ว” !!!
อาการติดเชื้อต่างๆ ที่ผู้หญิงประสบ แถมยังยากแก่การอธิบายนั้น มีการวิจัยกันว่า รองเท้าส้นสูงนี่แหละ ที่น่าฉงนสนเท่ห์มากที่สุด มีเสียงเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ ว่าการสวมรองเท้าส้นสูงอาจทำให้เกิดโรคชนิดร้ายแรงต่างๆ นานา มากมายอย่างคาดไม่ถึงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อาทิ เช่น กระดูกพรุน ข้ออักเสบ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อสะโพกขั้นรุนแรง ข้อนิ้วหัวแม่เท้าเสื่อม หรือ “เล็บขบ”
แต่ก็มีอาการที่ไม่ถึงกับรุนแรงนัก ที่มีชื่อเรียกประหลาดๆ อย่าง hammertoe หรือ Haglund’s deformity (โรคที่มีก้อนเนื้อผุดขึ้นมาตรงเส้นเอ็นของส้นเท้าหรือมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า pump bump)
มีการศึกษาอย่างจริงจังในหลายประเทศ ที่หนึ่งที่น่าสนใจก็คือข้อมูลจากการศึกษาที่สวีเดนมีการนำ “รองเท้าส้นสูง” มาโยงกับโรค “ซกิดโซฟรีเนีย” (โรคจิตชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วย มีอาการแปลกๆ หรือบางครั้งก็ทำตัวแปลกๆ เกิดภาพหลอนบางอย่าง และบางคนหนักถึงเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น) อีกด้วย (อ้างจากนิตยสาร time)
.................................
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวออกมาแค่ไหนก็ตาม บรรดาสาวๆ ก็ยังคงออกไปทำงานกับรองเท้าคู่ใจด้วยความวิงเวียน ปวดเท้ามากขึ้น
นั่นก็เพราะปี 2008 วงการแฟชั่นผลิตรองเท้าที่สูงปรี๊ดขึ้นไปอีกแถว 6 นิ้วออกมาขาย (อนาคตอาจจะ
และเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี่เอง “ส้นสูง” ได้สร้างความวุ่นวายให้กับเหล่านางแบบขณะเดินอยู่ที่ “มิลาน รันเวย์” เนื่องเพราะพวกเธอล้มหน้าคว่ำไปตามๆ กันอย่างไม่ต้องสงสัย “แหม ก็เล่นสร้างตึกให้ตัวเองแบบนั้น มันก็เท่ากับเป็นการพยายามจะเดินทอดน่องลงจากภูเขาอวกาศ” Belinda Luscombe ให้ความเห็น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องลองถามพวกสาวๆ เอาเองแล้วกันว่าทำไมนะ พวกเธอถึงสนุกกับการทำศึกบนภูเขาแบบนั้น
ซึ่งก็พบคำตอบมากมาย
อันดับแรกเลยคือ “อิทธิพลของแฟชั่น” เพราะต้องใส่เพื่อเสริมบุคลิกภาพ หรือถ้าไม่ใส่ก็จะรู้สึกว่า “ได้รับความกดดันจากเพื่อนฝูง” ที่ถูกมองว่าเตี้ยไป นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลที่ซ่อนเร้นอยู่อีก (ที่คนเราสามารถจะคิดได้) ก็คือเป็นการทำให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงกับชาย
“หรือบางที” อาจเป็นอย่างที่ Marvin Tovee จิตแพทย์ด้านวิวัฒนาการแห่งมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ทำนายไว้ว่า ขาของเด็กผู้หญิงจะหยุดเจริญเติบโตช่วงวัยเด็ก
..ทว่า ขานั้นสำคัญไฉน หมอได้ให้ความเห็นว่า “ขาคือตัวกลาง” ที่สื่อความอ่อนเยาว์ได้ดี แถมยังมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมใน “การสืบพันธุ์” อีกด้วย
การศึกษาเรื่องดังกล่าวในอิตาลีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า ผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงจะมีอารมณ์สนุกระหว่างการมีเซ็กซ์มากกว่า เนื่องจากการเดินบนส้นสูงส่งผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณเชิงกราน แต่จะจริงแค่ไหนก็ยัง “ไม่มีข้อพิสูจน์” ที่ชัดเจน
อีกแง่มุมหนึ่ง ที่มักปรากฏในหนังและซีรีส์หวานแหว๋ว ก็คือ สาวๆ จะรู้สึกว่าการใส่ส้นสูงนั้น ทำให้เพศต้องการสะดุดตา และมีความรู้สึกว่า เธอเซ็กซี่ (ส่วนหนุ่มๆ ในหนังก็มักนินทาว่า พวกเธอคงเซ็กซ์จัด)
ดูเอาแล้วกันว่า ส้นสูง ทำไมถึงไปเกี่ยวหลายนัยมากเท่านี้ ...มีการศึกษาอีกที่หนึ่งที่เสนอไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ American
“นับว่าเป็นการกระทำของกล้ามเนื้อที่ประหลาดมาก” Wendy Miletello หนึ่งในผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเคลื่อนไหวแห่ง ลุยเซียนา เทค กล่าว
หากแต่เธอผู้นี้ที่ได้กล่าวถึงอาการแปลกประหลาดเหล่านั้น กลับใส่ส้นสูงเสียเอง !
ลองมองในมุมของ "ชีววิทยา" บ้าง และดูจะให้ความสำคัญกับเรื่องความอ่อนล้าอันเนื่องมาจากส้นสูงมากกว่า “รองเท้าส้นสูง” มองจากภายนอกจะเห็นความงาม แต่ภายใต้ความสวยงามที่ดูจะผิวเผินนั้น ดูเหมือนว่าจะมีสัญลักษณ์บางอย่างอยู่เบื้องหลัง ดูจากดีไซเนอร์รองเท้าต่อไปนี้
เช่น Jimmy Choose, Manolo Blahniks กับ Christian Louboutins ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลปกป้องเท้าของลูกค้าเป็นอันดับแรก หากแต่ส้นสูงกลับเป็นเครื่องมือที่ (ไม่ได้เป็นอาวุธที่ใช้ปราบเจ้าปีเตอร์ หรือตอกตะปูยามจำเป็น แม้ว่าจะได้ผลก็ตามที)
คำตอบสุดท้าย มันคือเครื่องแสดงถึง “ภาพลักษณ์ของเพศแม่” และความมีพลังอำนาจอย่างไม่น่าเชื่อ
สิ่งนี้เองที่ทำให้ Gwyneth Paltrow ต้องใส่รองเท้าสั่งตัดความสูงหกนิ้ว Alexander McQueen ในงาน Iron Man รอบปฐมทัศน์ และ Sarah Palin ใส่รองเท้าส้นสูงของ Naughty Monkey Double Dare ระหว่างการประชุมของพรรครีพับลิกัน Erin Callan อดีต
อย่างที่บอกไปว่า “ส้นสูง” นั้นเป็น “สัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบ” และใช้ได้ดีในการเจรจาต่อรอง ที่ที่อำนาจมาพร้อมกับความงาม ลองจินตนาการว่ามันเป็นหางนกยูงที่แต่ละเส้นเป็นลูกดอกอาบยาพิษ
จะเรียกว่าเป็น “อุปกรณ์” หรือ “อาวุธ” ก็ตาม ส้นสูงจะใช้งานได้ดีก็ต่อเมื่อผู้ใช้ได้ฝึกใช้มาอย่างดีแล้ว ด้วยเหตุนี้การเข้าคอร์สเรียนจึงมีความสำคัญ ที่ Crunch เปิดสอนคอร์สเรียนที่มีชื่อว่า Stilletto Strength ในมหานครนิวยอร์กเมื่อปี 2006 และตอนนี้ได้เปิดที่ ลอสแองเจลิส ซาน ฟรานซิสโก กับที่ ชิคาโก Donna Cyrus รองประธานอาวุโสแห่ง Crunch กล่าวว่า ..“เป็นคอร์สที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก”
แล้ววิชาที่ว่าเขาสอนอะไรกันล่ะ ขั้นแรกก็ต้องแน่ใจว่าส้นเท้าแตะพื้น และมั่นใจด้วยว่าทำให้น้ำหนักของเท้ามีความสมดุลให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้ โดยการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องให้กระชับ และแอ่นหน้าอกเข้าไว้ เดินโดยใช้สะโพกเป็นตัวนำ หรือที่ผู้เขียนเรียกว่า เดินราวกับฉันเป็นหญิงงามเมืองที่วางท่าได้งามที่สุด
ถ้าถามว่าได้ผลหรือไม่ คำตอบคือไม่มากก็น้อย ที่เวิร์คช็อป Belinda Luscombe เธอใส่สิ่งที่เธอเรียกมันว่า ’20-minutes shoeters’
หรือแปลได้ว่าเป็นรองเท้าที่เธอสามารถ “ยืนได้ในเวลา 20 นาที” ก่อนที่เธอคิดจะยิงตัวตาย แต่เธอก็ยืนได้มาแล้ว 40 นาทีมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดีไซเนอร์แห่ง Blahnik ก็ไม่แนะนำส้นที่สูงกว่าสี่นิ้วครึ่ง หรือ
Belinda Luscombe บอกว่า หลังจากที่ส้นสูงทำให้เธอรู้สึกเหมือนผู้หญิงอย่างว่านั้น ตอนนี้ที่ Crunch ไม่ได้สอนคอร์ส Stiletto Strength ที่นิวยอร์กอีกต่อไปแล้ว เพราะมันล้าสมัยไปแล้ว Cyrus พูดติดตลกว่าทุกคนที่เรียนจบจากที่นั่นจะย้ายไปเรียนคอร์สใหม่ นั่นก็คือ คอร์สรูดเสา
สุดท้ายนี้ขอฝากความเห็นของ หมอมอร์ตัน ชอลลี่ย์ นายก-สมาคมแพทย์แผนกคนไข้ฉุกเฉินของอังกฤษว่า
"ยิ่งถ้ามีสุรามาเกี่ยวด้วยแล้วยิ่งร้ายหนัก ..เพราะเหล้ากับรองเท้าส้นสูงเข้ากันไม่ได้เลย"
เขียนโดย นันทขว้าง สิรสุนทร & กังสดาล สุขสมสถาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น