วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

น้ำแข็งขั้วโลกหดเปิดเส้นทางเดินเรือตะวันตก

บีบีซีนิวส์/เอเยนซี - อีซาเผยภาพถ่ายดาวเทียมแสดงน้ำแข็งขั้วโลกบริเวณตอนเหนือแคนาดา อะลาสกาและกรีนแลนด์หดตัวต่ำสุดเปิดโอกาสเส้นทางเดิน เรือฝั่งตะวันตกสำหรับฤดูร้อนองค์การอวกาศยุโรป (ESA) เผยภาพถ่ายดาวเทียมเอนไวแซท (Envisat satellite) แสดงน้ำแข็งขั้วโลกหดตัวต่ำสุดในรอบ 30 ปี เปิดเส้นทางเดินเรือฝั่งตะวันตกผ่านตอนเหนือของแคนาด า รัฐอะลาสกา สหรัฐอเมริกาและกรีนแลนด์ในช่วงฤดูร้อน และย่นเส้นเดินทางจากยุโรปไปเอเชียผ่านคลองปานามาได้ หลายพันกิโลเมตร โดยในอดีตเส้นทางดังกล่าวซึ่งเชื่อมมหาสมุทรแอตแลนติ กและแปซิฟิกนั้นปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดทั้งปีนับแต่มีการเฝ้าสังเกตน้ำแข็งมาตั้งแต่ปี 2521 อีซาระบุว่าเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เห็นการหดตัวของน้ำแข็ง แต่สำหรับปีนี้ได้หดตัวสุดขีดและจะทำให้เส้นทางเดินเ รือเปิดกว้างอย่างสมบูรณ์ หากแต่ยังไม่ทราบว่าเมื่อไหร่เส้นทางฝั่งตะวันตกจะเป ิดตัวโดยสมบูรณ์ ขณะที่เส้นทางเดินเรือฝั่งตะวันออกซึ่งผ่านทางรัสเซี ยก็ปรากฏการหดตัวเช่นกันและยังคงเหลือเพียงบางส่วนเท ่านั้นที่ยังขวางกั้นการเดินทางอยู่"เราได้เห็นพื้นที่ซึ่งมีน้ำแข็งปกคลุมหดตัวราว 3 ล้านตารางกิโลเมตร โดยในช่วงปี 2548 - 2549 ลดลงถึงราว 1 ล้านตารางกิโลเมตรเมตร ทั้งนี้ในช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้นน้ำแข็งลดลงเฉลี่ยราวปีละ 100,000 ตารางกิโลเมตร ดังนั้นการลดลงถึง 1 ตารางกิโลเมตรภายในจึงเข้าขั้นวิกฤต" ลีฟ ทูดัล ปีเดอร์สัน (Leif Toudal Pedersen) จากศูนย์อวกาศแห่งสวีเดน (Danish National Space Centre) กล่าว พร้อมชี้ว่าสัญญาณดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าน้ำแข็งในฤด ูร้อนจะหายไปเร็วกว่าที่คาดกันไว้หลักฐานทางภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าวยังยังนำไปเชื่อโย งกับภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่คาด โดยอีซาได้อ้างถึงคาดการณ์ของคณะกรรมาธิการระหว่างรั ฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งองค์การส หประชาชาติ (ไอพีซีซี) ที่ทำนายไว้ว่า ในฤดูร้อนของปี 2613 พื้นที่บริเวณขั้วโลกจะปราศจากน้ำแข็งเนื่องอุณหภูมิ ที่เพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับการหายไปของทะเลน้ำแข็งอย่างไรก็ดีการเปิดเส้นทางเดินทะเลจากภาวะอากาศครั้ง นี้ได้นำไปสู่การถกเถียงระหว่างประเทศเป็นที่เรียบร้ อยแล้ว ทางด้านแคนาดาอ้างสิทธิเต็มที่เหนือเส้นทางเดินเรือฝ ั่งตะวันตกที่ผ่านอาณาเขตของประเทศซึ่งสามารถลากเส้น ผ่านบริเวณดังกล่าวได้ แต่การอ้างดังกล่าวก็ได้รับการโต้เถียงจากสหรัฐอเมริ กาและสหภาพยุโรปซึ่งแย้งว่า เส้นทางใหม่นั้นควรจะเป็นประโยชน์ของนานาชาติที่ใครจ ะเดินเรือผ่านก็ได้ขณะเดียวกันรัสเซีย นอร์เวย์ เดนมาร์ก แคนาดาและสหรัฐฯ ต่างก็แข่งขันในการเรียกร้องสิทธิบริเวณอาร์กติกอย่า งร้อนแรงขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อรัสเซียส่งเรือดำน้ำขนาดเล็กเพื่อวางแผนที่จะปั กธงชาติใต้จุดนอร์ธโพล (North Pole) ส่วนสหรัฐฯ ก็ศึกษาพบว่า น้ำมันและก๊าซธรรมชาติในโลกถึง 25% ที่ยังไม่ได้รับการค้นพบนั้นอยู่ที่บริเวณดังกล่าวส่วนนักสิ่งแวดล้อมก็กลัวว่าการเพิ่มขึ้นของคมนาคมทา งทะเลและความพยายามในการขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติในบร ิเวณดังกล่าว อาจนำไปสู่การรั่วของน้ำมันและทำอันตรายของสิ่งมีชีว ิตในพื้นที่นั้นได้ในวันใดวันหนึ่งเคลส์ แรกเนอร์ (Claes Ragner) นักวิจัยจากสถาบันฟริดท์จอฟแนนเซน ( Fridtjof Nansen Institute) ของนอร์เวย์ซึ่งทำงานเกี่ยวกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อ มและการเมืองบริเวณอาร์กติกกล่าวว่า สำหรับปัจจุบันเส้นทางที่เปิดใหม่นี้เป็นเพียงสัญลัก ษณ์ที่หมายถึงการขนส่งทางทะเลในอนาคต โดยสามารถลดเส้นทางระหว่างแถบสแกนดิเนเวียและญี่ปุ่น ได้ครึ่งหนึ่ง และเส้นทางขนส่งที่สั้นลงหมายถึงการปล่อยมลพิษที่น้อ ยกว่า"แม้เส้นทางกำลังเปิดและน้ำแข็งยังคงละลายต่อเนื ่อง แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่เส้นทางดังกล่าวจะกลาย เป็นเส้นทางที่ใช้ได้โดยปกติ มันไม่ได้ปราศจากน้ำแข็งตลอดปีและไม่เป็นเส้นทางที่ค งอยู่ตลอดปี คำขอที่สำคัญสุดสำหรับการขนส่งทางทะเลคือเส้นทางที่ไ ด้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและมั่นคง แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าน้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลายไม่ดีส ำหรับโลกที่เรากำลังสูญเสียอาร์กติกและสิ่งมีชีวิตที ่นั่น" แรกเนอร์กล่าว


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 18 กันยายน 2550

ไม่มีความคิดเห็น: